หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับแบล็คเบิร์น ในเกมที่ยิงรวมกัน 7 ประตูเมื่อ 3 วันที่แล้ว ก็ถือคราวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คว้าชัยชนะบ้างในเกมพรีเมียร์ชิพอีกนัดหนึ่งที่ซัดไปรวมกัน 6 ประตู
ปาร์ค จีซุง และหลุยส์ ซาฮา ทำคนละประตู และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำ 2 ประตูในเกมที่ปิศาจแดง เอาชนะฟูแล่ม ไปได้ 4-2 และเก็บ 3 คะแนนเต็มอันล้ำค่าในพรีเมียร์ชิพได้สำเร็จ
ผู้จัดการทีมกล่าวก่อนเกมว่า “เตรียมตัวของคุณให้พร้อม เพราะหากการพบกันก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกแนวโน้มของเกมนี้ก็แสดงว่ามันน่าจะเป็นเกมที่สนุกตื่นเต้นทีเดียว” ผู้ชมในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด คงจะไม่ผิดหวัง เหตุการณ์ 5 ประตูในครึ่งแรก, คริส โคลแมน ถูกไล่ออก และฟุตบอลเกมรุกที่สวยงามของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสิ่งที่คุ้มค่าคุ้มราคา หากไม่พอใจกับความสวยงามในศิลปะของการป้องกันประตูที่นำอยู่เอาไว้ให้ได้
ฟูแล่ม ไม่เคยเอาชนะในเกมเยือนได้เลยในฤดูกาลนี้ ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้ โดยแพ้ให้กับแบล็คเบิร์น ซึ่งเอาชนะปิศาจแดง ได้ทั้ง 2 นัดในลีก หลังจากคว้าชัยชนะ 4-3 ที่สนามอีวูด พาร์ค เมื่อวันพุธ
ริโอ เฟอร์ดินานด์ ถูกไล่ออกในนัดที่แล้วจึงถูกห้ามลงเล่นในนัดนี้ ทำให้เวส บราวน์ ได้เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่กับมิเกล ซิลแวสตร์ นั่นหมายความว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยใช้ผู้เล่น 4 คนในแผงกองหลังเป็นชุดเดิมลงเล่นติดต่อกันเพียงครั้งเดียวในรอบ 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ด้วยแผงกองกลางที่ดูดีกว่าเล็กน้อยอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้, คีแรน ริชาร์ดสัน, อลัน สมิธ และปาร์ค จีซุง ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดฉากบุกแหลกตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น โดยสร้างโอกาสงามได้ถึง 5 ครั้งในช่วง 10 นาทีแรกของเกม
และก็เป็นปาร์ค จีซุง กองกลางชาวเกาหลีใต้ที่เจาะเกมรับของฟูแล่ม จนเละไม่เป็นท่า เริ่มจากการลุยขึ้นทางกราบขวา ปาร์ค กระชากบอลก่อกวนเวย์น บริดจ์ แบ็คซ้ายของฟูแล่ม ก่อนที่จะเปิดบอลต่ำไปให้กับรุด ฟาน นิสเตลรอย แต่ลูกยิงของกองหน้าชาวดัตช์ แฉลบออกหลังเป็นลูกเตะมุม ปาร์ค เปิดลูกเตะมุมเข้าไปให้กับเวส บราวน์ ได้วอลเล่ย์เต็มแรง แต่อันต์ติ นีมี่ ยังไวป้องกันเอาไว้ได้
ไบรอัน แม็คไบรด์ กองหน้าจอมโหม่งของฟูแล่ม ได้โหม่งแต่ถูกป้องกันเอาไว้ได้โดยเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ อดีตผู้รักษาประตูของฟูแล่ม ในช่วง 5 นาทีแรก และอีกไม่กี่นาทีต่อมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูขึ้นนำจนได้หลังจากบุกอยู่เป็นระลอก แกรี่ เนวิลล์ เปิดเรียดจากทางฝั่งขวาไปให้กับปาร์ค ที่กรอบเขตโทษ กองกลางจอมลุยจับบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วยิงด้วยเท้าขวา บอลไปแฉลบคาร์ลอส โบคาเนกร้า ที่ยืนขวางอยู่ ทำให้นีมี่ พุ่งไปผิดทางทำได้แค่หันไปมองบอลลอยเข้าไปตุงตาข่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 6
ประตูที่ 2 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามมาอีกไม่นานจากลูกฟรีคิกสุดสวยของโรนัลโด้ หลังจากซัดฟรีคิกครั้งแรกจากระยะ 25 หลาโด่งข้ามคานออกไปไกล ปีกชาวโปรตุเกส ก็ได้โอกาสอีกครั้งเมื่อซาฮา ถูกทำฟาวล์ในระยะ 35 หลา โรนัลโด้ ยิงฟรีคิกลอยข้ามกำแพงพุ่งเข้าไปกลางประตู แม้ว่าลูกยิงของเขาจะไม่พุ่งเข้าเสียบมุมแต่การส่ายไปมาของบอลก็ทำให้นีมี่ ต้องตะลึงอีกครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำเป็น 2-0 ในนาทีที่ 14
อย่างไรก็ตาม ฟูแล่ม มาทำประตูตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 22 เลียม โรซีเนียร์ เปิดบอลจากปีกขวาเข้ามาให้กับแม็คไบรด์ กระโดดขึ้นโขกเต็มๆ ผ่านมือฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าประตูไป ทำให้ฟูแล่ม ไล่มาเป็น 1-2
แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด บุกโต้กลับในทันทีและทำประตูหนีห่างออกไปอีกครั้งภายในนาทีเดียว หลุยส์ ซาฮา ไหลบอลทะลุไปให้กับฟาน นิสเตลรอย ซึ่งอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าอย่างแน่นอนแต่ไม่มีธงยกขึ้นมา ดาวยิงดัตช์แมน พลิกบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วซัดด้วยเท้าซ้ายไปติดมือนีมี่ ปัดบอลออกมาเข้าทางซาฮา ที่วิ่งเติมเข้าไปแปง่ายๆ ด้วยเท้าซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่างอีกครั้งเป็น 3-1 ในนาทีที่ 23
คริส โคลแมน ซึ่งได้เห็นภาพทางจอวีดีโอขนาดเล็กชัดเจนว่าฟาน นิสเตลรอย อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ไม่พอใจมากจึงเข้าไปประท้วงผู้ช่วยผู้ตัดสิน ทำให้เขาถูกไล่ออกจากข้างสนามให้ขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ เมื่อทีมของคุณไม่เคยชนะในเกมเยือนเลยตลอดฤดูกาลย่อมทำให้คุณประสบกับโชคไม่ดีได้ แต่การกระทำของผู้จัดการทีมชาวเวลส์ถือว่ารุนแรงเกินไป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูที่ 4 ก่อนจบครึ่งแรก 10 นาที เมื่อโรนัลโด้ พาบอลลากเลื้อยขึ้นทางฝั่งซ้ายทำให้โรซีเนียร์ ต้องปั่นป่วน ลูกเปิดของเขาไปที่เสาใกล้ให้กับฟาน นิสเตลรอย วิ่งเข้าไปบรรจงยิงเน้นๆ แต่บอลหลุดออกข้างเสาไกลไปนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย
แม้ว่าปิศาจแดง จะครองเกมบุกได้เหนือกว่า แต่ฟูแล่ม ก็ตอบโต้กลับมาได้อีกครั้งในนาทีที่ 37 บริดจ์ พาบอลลุยขึ้นมาทางฝั่งซ้ายจนถึงเส้นหลังก่อนที่จะเปิดลึกไปที่เสาไกล ไฮดาร์ เฮลกูสัน กระโดดขึ้นเหนือปาทริซ เอวร่า โหม่งเต็มหัวจ่อๆ ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดบอลไม่ออกเข้าประตูไป ฟูแล่ม ไล่ตามมาเป็น 2-3
ทีมของโคลแมน ได้โอกาสครั้งแรกในครึ่งหลัง สตีด มัลบรองก์ พลิกบอลหลบบราวน์ เข้าไปยิงเรียด บอลไปแฉลบมิเกล ซิลแวสตร์ แต่ฟาน เดอร์ ซาร์ ป้องกันเอาไว้ได้อย่างสบาย
ปาร์ค และซาฮา ได้โอกาสใกล้เคียงที่จะทำประตูให้กับปิศาจแดง แต่ในครึ่งหลังไม่ได้ผลัดกันบุกโต้ไปมามากเหมือนใน 45 นาทีแรก
มีความกระฉับกระเฉงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเวย์น รูนี่ย์ ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 69 รวมทั้งเนมานย่า วิดิช โดยลงมาแทนที่ของปาร์ค และเนวิลล์ ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้าเกมนี้ รูนี่ย์ พลาดการลงสนามเพียง 4 นัดเท่านั้น ถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าเขามีความสำคัญขนาดไหนต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาลงเล่นในตำแหน่งกองกลางในช่วง 20 นาทีสุดท้ายเพื่อช่วยกระตุ้นทีม
แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผชิญกับช่วงท้ายเกมที่เริ่มตึงเครียด คอยระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาดในเกมรับซึ่งเคยเป็นผลเสียอย่างมากมาแล้วในเกมที่พบกับแบล็คเบิร์น จากการที่ขึ้นนำอยู่แค่ 1 ประตู ปิศาจแดง ต้องต่อสู้เพื่อ 3 คะแนน
แล้วความโล่งอกก็มาถึงในช่วงก่อนหมดเวลา 4 นาที ก่อนหน้านี้ รุด เกือบจะทำประตูได้จากลูกโหม่ง และลูกยิงบริเวณกรอบเขตโทษซึ่งนำไปสู่ประตูสุดท้ายของเกม นีมี่ ปัดลูกยิงของกองหน้าชาวดัตช์ ไปเข้าทางของโรนัลโด้ ที่ตามเข้าไปใช้เท้าแตะบอลลอยขึ้นมาก่อนที่จะวอลเล่ย์ด้วยเท้าขวา ลูกพุ่งเรียดลอดตัวของนีมี่ ชนโคนเสาไกลเด้งเข้าประตูไป เป็นประตูที่ 2 ของเขาในเกมนี้ และเป็นประตูที่ 30 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใน 10 นัดหลังสุดที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่างไปเป็น 4-2 ในนาทีที่ 86 ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยสกอร์นี้ (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6 ( น. 38)
ปาทริซ เอวร่า 3 ( น. 79)
แกรี่ เนวิลล์ 2 ( น. 44)
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
คีแรน ริชาร์ดสัน 23
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( น. 14, 86)
ปาร์ค จีซุง 13 ( น. 6)
หลุยส์ ซาฮา 9 ( น. 23)
อลัน สมิธ 14 ( น. 35)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
สำรอง
ลุค สตีล 30
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26 น. 81 ปาทริซ เอวร่า 3
เนมานย่า วิดิช 15 น. 69 แกรี่ เนวิลล์ 2
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
เวย์น รูนี่ย์ 8 น. 69 ปาร์ค จีซุง 13
ฟูแล่ม
อันต์ติ นีมี่ 29
คาร์ลอส โบคาเนกร้า 3
เวย์น บริดจ์ 31
แซท ไนท์ 6
เลียม โรซีเนียร์ 17 ( น. 17)
ไมเคิล บราวน์ 9
ไซม่อน เอลเลียตต์ 27
สตีด มัลบรองก์ 4
หลุยส์ บัว มอร์เต้ 11 ( น. 62)
ไฮดาร์ เฮลกูสัน 10 ( น. 37)
ไบรอัน แม็คไบรด์ 20 ( น. 22)
สำรอง
โทนี่ วอร์เนอร์ 30
อแลง โกม่า 24
นิคลาส เจนเซ่น 33
โคลลินส์ จอห์น 15 น. 76 ไฮดาร์ เฮลกูสัน 10
โทมัสซ์ ราดซินสกี้ 13 น. 46 ไมเคิล บราวน์ 9
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 4, ยิงตรงกรอบ 11, ยิงหลุดกรอบ 7, โดนบล็อค 3, เตะมุม 8, ฟาวล์ 10, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 4, การครองบอล 59 %
ฟูแล่ม ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 7, ยิงหลุดกรอบ 3, เตะมุม 5, ฟาวล์ 14, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 2, การครองบอล 41 %
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, แกรี่ เนวิลล์ 6, เวส บราวน์ 6, มิเกล ซิลแวสตร์ 7, ปาทริซ เอวร่า 5, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 9, คีแรน ริชาร์ดสัน 6, อลัน สมิธ 6, ปาร์ค จีซุง 7, หลุยส์ ซาฮา 8, รุด ฟาน นิสเตลรอย 8, เนมานย่า วิดิช (สำรอง) 5, ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ (สำรอง) 6, เวย์น รูนี่ย์ (สำรอง) 7
ฟูแล่ม อันต์ติ นีมี่ 7, เลียม โรซีเนียร์ 6, แซท ไนท์ 6, คาร์ลอส โบคาเนกร้า 6, เวย์น บริดจ์ 7, สตีด มัลบร็องก์ 6, ไซม่อน เอลเลียตต์ 5, ไมเคิล บราวน์ 6, หลุยส์ บัว มอร์เต้ 7, ไฮดาร์ เฮลกูสัน 7, ไบรอัน แม็คไบรด์ 8, โทมัสซ์ ราดซินสกี้ (สำรอง) 6, โคลลินส์ จอห์น (สำรอง) 7
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
Por